บทบรรณาธิการที่สะท้อนทัศนะของรัฐบาลสหรัฐฯ
สหรัฐฯ ประกาศมาตรการคว่ำบาตรเพิ่มเติมต่อระบอบทหารของพม่า นับตั้งแต่การก่อรัฐประหารโดยกองทัพซึ่งปลดรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตยเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ระบอบการปกครองของทหารได้ตอบโต้การประท้วงเพื่อประชาธิปไตยอย่างรุนแรง โดยสังหารผู้คนกว่า 800 คนรวมทั้งเด็ก และกักขังผู้คนอีกหลายพันคน
เมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม สหรัฐฯ ระบุชื่อ 1 หน่วยงาน และบุคคล 16 คนที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับระบอบการปกครองทหารของพม่า หน่วยงานดังกล่าวคือสภาบริหารแห่งรัฐ ซึ่งเป็นหน่วยงานที่ระบอบการปกครองของทหารสร้างขึ้นเพื่อสนับสนุนการก่อรัฐประหารที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย บุคคล 13 คนเป็นสมาชิกคนสำคัญของระบอบทหารและอีก 3 คนเป็นบุตรของเจ้าหน้าที่ทหารที่ได้รับมอบหมายก่อนหน้านี้ การระบุชื่อดังกล่าวทำให้ทรัพย์สินและผลประโยชน์ทั้งหมดที่พวกเขาอาจมีในสหรัฐฯ ถูกปิดกั้น เว้นเสียแต่จะได้รับการยกเว้น ไม่เช่นนั้นบุคคลที่อยู่ในสหรัฐฯ จะไม่ได้รับอนุญาตให้ทำธุรกรรมทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับทรัพย์สินใดๆ ของผู้ที่ถูกระบุชื่อ
นอกจากนี้ในการดำเนินการร่วมกันของประเทศอังกฤษและแคนาดายังกำหนดมาตรการคว่ำบาตรของตนเองที่เกี่ยวข้องกับการรัฐประหารที่กำลังเกิดขึ้นในพม่าอีกด้วย
แอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ เขียนไว้ในคำแถลงการณ์ว่า “ตามที่ประธานาธิบดีไบเดนได้กล่าวไว้ สหรัฐฯ จะยังคงสนับสนุนให้นำผู้กระทำผิดในการก่อรัฐประหารมารับผิดชอบต่อเรื่องนี้ การกระทำของสหรัฐฯ ในวันนี้เน้นย้ำถึงความตั้งใจ และพันธมิตรของประเทศในการใช้แรงกดดันทางการเมืองและการเงินต่อระบอบการปกครองทหาร ตราบใดที่ยังไม่หยุดใช้ความรุนแรงและดำเนินการใดๆ เพื่อเป็นการแสดงความเคารพต่อเจตจำนงของประชาชน
รมต. บลิงเคน ชี้ว่า สหรัฐฯ และพันธมิตรในกลุ่ม G7 ต่างเห็นชอบต่อแผนฉันทามติ 5 ประการเกี่ยวกับพม่าซึ่งได้รับการพัฒนาขึ้นโดยที่ประชุมผู้นำอาเซียนเมื่อปลายเดือนเมษายน แผนดังกล่าวเรียกร้องให้ยุติความรุนแรงโดยทันที การเจรจาระหว่างทุกฝ่าย ทูตพิเศษเพื่ออำนวยความสะดวกในการไกล่เกลี่ย ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมโดยอาเซียน และการเยือนของทูตพิเศษและคณะผู้แทนเพื่อพบปะกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง นอกจากนี้ รมต. บลิงเคนยังเรียกร้องให้รัฐบาลทหารของพม่าร่วมมือกับอาเซียนและสหประชาชาติเพื่อดำเนินการตามแผนนี้ในทันทีโดยไม่มีข้อแม้ใด ๆ
รมต. บลิงเคน กล่าวต่อไปว่า จนถึงขณะนี้รัฐบาลทหารยังปฏิเสธที่จะให้ความร่วมมือในเชิงสร้างสรรค์ และไม่พยายามที่จะฟื้นฟูประเทศพม่าบนเส้นทางสู่ประชาธิปไตย ในขณะที่ยังคงดำเนินการปราบปรามประชาชนของตนอย่างโหดร้ายและรุนแรง
สหรัฐฯ สนับสนุนให้ทุกประเทศพิจารณากำหนดมาตรการต่อต้านระบอบทหารเพื่อสนับสนุนความรับผิดชอบต่อการก่อรัฐประหารและการละเมิดสิทธิมนุษยชน และเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความรุนแรงขึ้นอีกในอนาคต