บทบรรณาธิการที่สะท้อนทัศนะของรัฐบาลสหรัฐฯ
นับตั้งแต่อิหร่านเริ่มมีอำนาจในปีค.ศ. 1979 พวกเขาได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการลอบสังหาร แผนการก่อการร้าย และการโจมตีของผู้ก่อการร้ายในกว่า 40 ประเทศ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ไมค์ พอมเพโอ ได้กล่าวว่า “ความโหดร้ายและความไร้ศีลธรรมของอิหร่านนั้นไม่มีพรมแดนระหว่างประเทศ”
ในวันที่ 21 สิงหาคม ซึ่งเป็นวันแห่งความทรงจำและการรำลึกถึงเหยื่อผู้การก่อการร้ายประจำปี เพื่อเป็นการให้เกียรติและรำลึกถึงเหยื่อผู้เคราะห์ร้ายเหล่านั้น กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ได้คว่ำบาตรผู้กระทำผิดด้านสิทธิมนุษยชนชาวอิหร่านจำนวน 14 คน โดย 13 คนเป็นเจ้าหน้าที่รัฐบาลที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำที่โหดร้ายและทารุณ และวางแผนโจมตีในสวิตเซอร์แลนด์เมื่อปี ค.ศ. 1990 มือสังหาร 13 คนซึ่งสวมรอยเป็นนักการทูตอิหร่านปฏิบัติตามคำสั่งสูงสุดของรัฐบาล เช่นเดียวกับแผนการต่างๆ ที่ดำเนินการในต่างประเทศโดยรัฐบาลอิหร่าน ผู้ก่อการร้ายเหล่านี้ไล่ล่าและสังหารเพื่อปิดปากผู้คัดค้านชาวอิหร่าน
อย่างไรก็ตาม รมต. ต่างประเทศ พอมเพโอ กล่าวในแถลงการณ์ประกาศการคว่ำบาตรว่า “ไม่ใช่เฉพาะในต่างประเทศเท่านั้นที่อิหร่านใช้ความกลัวและความความรุนแรงในการควบคุมพลเมืองของตน”
สหรัฐฯ ยังคว่ำบาตร โฮจาโตลลาห์ โคดาอี ซูรี (Hojatollah Khodaei Souri) ผู้ว่าการเรือนจำ Evin ที่มีชื่อเสียงฉาวโฉ่ของอิหร่าน ซึ่งนักโทษทางการเมืองต้องถูกทรมานอย่างโหดร้ายเป็นเวลายาวนาน รวมถึงการถูกข่มขืน การเฆี่ยนตี และการขาดการดูแลรักษาทางการแพทย์ และเป็นที่กักขังชาวต่างชาติที่ถูกอิหร่านจับเป็นตัวประกันเพื่อบังคับให้รัฐบาลของประเทศนั้น ๆ ยอมทำตามความต้องการของตน
การประกาศคว่ำบาตรเจ้าหน้าที่อิหร่าน 14 คนซึ่งมีส่วนเกี่ยวข้องกับการละเมิดสิทธิมนุษยชนขั้นร้ายแรง หมายถึงว่าคนเหล่านี้ตลอดจนสมาชิกในครอบครัวจะถูกห้ามไม่ให้เดินทางเข้าสหรัฐฯ ด้วย
รมต. ต่างประเทศ พอมเพโอ กล่าวต่อไปว่า "การกระทำเหล่านี้เป็นการส่งข้อความไปยังเหยื่อจำนวนมากของสาธารณรัฐอิสลามแห่งอิหร่านที่มีอยู่ทั่วโลกว่า สหรัฐฯ จะทำให้ผู้ที่สร้างความหวาดกลัวและก่อความรุนแรงเหล่านั้นได้รับโทษ สหรัฐฯ จะยังคงกดดันให้อิหร่านปฏิบัติต่อพลเมืองของตนอย่างให้เกียรติและเคารพ”
"สหรัฐฯ จะตั้งตารอวันที่ผู้กระทำความผิดในการละเมิดสิทธิมนุษยชนจำนวนนับไม่ถ้วนของอิหร่าน ได้เผชิญกับความยุติธรรมที่แท้จริง และหวังว่ามาตรการเหล่านี้จะช่วยให้ความสบายใจและความมั่นใจแก่ญาติสนิทมิตรสหายของผู้ที่สูญเสียจากความรุนแรงและการกดขี่ของอิหร่านทั้งในประเทศและต่างประเทศ”