บทบรรณาธิการที่สะท้อนทัศนะของรัฐบาลสหรัฐฯ
ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ได้สรุปเป้าหมายหลักด้านนโยบายต่างประเทศของเขาสำหรับอนาคตอันใกล้นี้ นั่นก็คือการยุติสงครามในเยเมน
เยเมนเป็นประเทศที่ยากจนที่สุดในบรรดาประเทศอาหรับ และเป็นประเทศที่ต้องประสบปัญหาความยากจนเฉพาะถิ่นมาเป็นเวลานาน โดยส่วนใหญ่เป็นผลมาจากการขาดแคลนน้ำและทรัพยากรอื่นๆ อัตราการเติบโตของประชากรที่สูง ความขัดแย้งในท้องถิ่นเป็นระยะๆ และความไม่มั่นคงทางด้านอาหารแบบเรื้อรัง ยิ่งไปกว่านั้นสงครามกลางเมืองที่เริ่มขึ้นในปีค.ศ. 2014 ซึ่งในไม่ช้าก็กลายเป็นความขัดแย้งทางอ้อมระหว่างอิหร่านกับกลุ่มประเทศอาหรับที่นำโดยซาอุดิ อะเรเบีย และก็เป็นเรื่องปกติในความขัดแย้งทางด้านอาวุธ ที่ประชากรพลเรือนเป็นผู้ที่ได้รับความทุกข์ทรมานมากที่สุด
ปัจจุบันมีชาวเยเมนกว่า 24.3 ล้านคนควรที่จะได้รับความช่วยเหลือและความคุ้มครองด้านมนุษยธรรม ตั้งแต่ปี 2015 เป็นต้นมาพลเรือนหลายหมื่นชีวิตถูกฆ่าตายและราว 3.6 ล้านคนต้องพลัดถิ่นฐานจากภูมิลำเนาของตน
ปธน. ไบเดน กล่าวว่า “สหรัฐกำลังเพิ่มประสิทธิภาพทางการทูตเพื่อยุติสงครามในเยเมน ซึ่งเป็นสงครามที่ก่อให้เกิดความหายนะด้านมนุษยธรรมและยุทธศาสตร์” เขาได้ขอให้เจ้าหน้าที่ในตะวันออกกลางรับรองว่าจะได้รับการสนับสนุนในความคิดริเริ่มที่นำโดยองค์การสหประชาชาติในการดำเนินการหยุดยิง เปิดช่องทางมนุษยธรรม และฟื้นฟูการเจรจาสันติภาพที่หยุดนิ่งมานาน
ในเวลาเดียวกัน ปธน. ไบเดน ได้ประกาศแต่งตั้ง ทิโมธี เล็นเดอร์คิง นักการทูตและผู้เชี่ยวชาญด้านอ่าวเปอร์เซียมาเป็นเวลายาวนานให้เป็นทูตพิเศษของสหรัฐฯ ประจำเยเมน เขาจะเป็นผู้ดูแลความพยายามทางการทูตของสหรัฐฯ เพื่อยุติสงคราม
“ทิมมีประสบการณ์ยาวนานทั้งชีวิตในภูมิภาคนี้ และเขาจะทำงานร่วมกับทูตของสหประชาชาติและทุกฝ่ายของความขัดแย้งเพื่อผลักดันให้มีหนทางแก้ปัญหาทางด้านการทูต และความสามารถด้านการทูตของทิมจะได้รับการสนับสนุนโดย USAID และกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ ในการทำงานเพื่อให้แน่ใจว่าความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมจะไปถึงชาวเยเมนที่กำลังประสบกับความหายนะที่ไม่อาจแก้ไขได้"
และท้ายที่สุดประธานาธิบดีไบเดนกล่าวว่า สหรัฐฯ กำลังยุติการสนับสนุนทั้งหมดสำหรับปฏิบัติการที่น่ารังเกียจในสงครามในเยเมน รวมถึงการค้าอาวุธที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ อย่างไรก็ตามสหรัฐฯ จะไม่ละทิ้งการรณรงค์ต่อต้านอัลไคยด้าในคาบสมุทรอาหรับ ซึ่งส่วนใหญ่เกิดขึ้นในเยเมน และจะไม่ยุติการสนับสนุนการปกป้องประเทศของซาอุดิ อะเรเบีย
“ซาอุดิ อะเรเบียต้องเผชิญกับการโจมตีด้วยขีปนาวุธ การโจมตี UAV และภัยคุกคามอื่นๆ จากกองกำลังที่จัดหาโดยอิหร่านในหลายๆ ประเทศ สหรัฐฯ จะยังคงให้การสนับสนุนและช่วยเหลือซาอุดิ อะเรเบียในการปกป้องอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนและประชาชนของตนต่อไป”
ประธานาธิบดีไบเดนกล่าวส่งท้ายว่า สงครามนี้จะต้องยุติลง